ชีวิตการเรียนหมอ 6 ปี
·
ปี 1 เรียนสบายๆ
แต่เกือบตาย
ปีหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัย
น้องก็จะต้องเรียน basic
science หรือวิทยาศาสตร์นั่นแหละ ทั้ง bio-chemistry,
microbiology, physics, calculus และวิชาอื่นๆ มหาศาลราว 44
- 48 หน่วยกิต ทั้งที่มหาวิทยาลัยส่วนมากให้เรียนไม่เกิน 42 หน่วยกิต แต่เราคือยอดมนุษย์ เราต้องทำได้
·
ปี 2 เรียนวิชาคณะกับอาจารย์ใหญ่
พอปีสองความแกร่งและอึดในการอ่านหนังสือที่สั่งสมมาหนึ่งปีจะได้
เริ่มเอามาใช้ซะที ปีสองจะได้เรียนอะไรๆ
หลายอย่างที่เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์แบบปกติ
ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ( anatomy) หรือว่าเรียนอาจารย์ใหญ่นั่นแหละ
ทุกส่วนในร่างกายหั่นออกมาดูหมด เรียกว่าคลุกคลีกับศพอาจารย์ใหญ่ตลอด 1 ปีเต็ม แล้วยังมีพวกที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าต้องส่องกล้องดูด้วยเรียกว่า histology
แล้วก็เรียน chem. ในร่างกายเรา
เรียนว่าร่างกายหล่อๆ สวยๆ ของเรานี้มันทำงานกันยังไงหนอ...เค้าเรียกว่าวิชา physiology
แล้วน้องจะเข้าใจว่าที่เรามายืนหายใจปุ๊ดๆ เนี่ยเราทำได้ยังไง
ที่นั่งอ่านข้อความอยู่เนี่ยมันเกิดขึ้นด้วยกลไกอะไร
แล้วอีกอย่างเกือบลืมต้องเรียนว่าตอนเด็กฉันหน้าตาเป็นไงด้วย เค้าเรียกว่า embryology
จบปีสอง เหนื่อยจังเฮ้อ!!...
· ปี 3 พี่ใหญ่พรีคลินิก
พอปีสามก็จะได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาเกี่ยวกับร่างกายปกติ
มาใช้กับร่างกายที่เป็นโรค เวลาไม่สบายเป็นไงหนอ.. เชื้อโรคคือใครเหรอ.. แล้วก็เรียนเกี่ยวกับยาทำไมมันต้องไม่อร่อยด้วยล่ะ
แล้วมันจัดการกับเชื้อโรคได้ไงเนี่ย...วิชายากๆ ทั้งนั้นเลย
เรียนกันแบบไม่ลืมหูลืมตา (ไม่ได้หลับนะ) คนอื่นเรียนมหาวิทยาลัย มีคาบว่าง
ส่วนพวกนักเรียนแพทย์ไม่ค่อยจะมีกันหรอก มีคาบว่างทีนึงยังกะขึ้นสวรรค์...อยากหยุดเวลาไว้จัง
แล้วพอปลายๆ ปีสามน้องก็จะเริ่มได้ถูกเนื้อต้องตัวคนไข้จริงๆ อาจารย์จะพาไปชม
ไปพูดคุย คนไข้จะมองด้วยสายตาประดุจมองเทพเจ้า ส่วนเราก็จะคิดในใจ
"เป็นไงเป็นกันล่ะ " ถึงจะโง่
ก็ขอเก๊กทำท่าหมอไว้ก่อน ไม่รู้ก็ทำหน้าเหมือนรู้เข้าไว้
คนไข้เห็นแล้วศรัทธา...ซึ่งก็เป็นสิ่งกระตุ้นอย่างหนึ่งให้เราต้องเรียนรู้
เพื่อไม่ให้ความศรัทธาของคนไข้สูญเปล่า พอจบปีสาม คราวนี้ล่ะได้แต่งชุดหมอซะที!
·
ปี 4 น้องเล็กระดับคลินิก
ขึ้นปี 4 เริ่มทำงานกะคนไข้แล้ว
เค้าเป็นอะไร มีอาการยังไง ป่วยเมื่อไหร่ ซักประวัติมาให้หมด
....เสร็จแล้วก็เอามาเทียบกะความรู้ที่เราเรียนมา
แล้วเค้นออกมาว่าเค้าเป็นโรคอะไรนะ.... เรียนตั้งแต่เช้า เจ็ดโมง
จนบางวันโชคดีเลิกเรียนสี่โมงเย็น โชคดีเข้าไปอีกก็เลิกซักสามทุ่ม โชคชั้นที่สองต้องเข้าห้องผ่าตัด
ชมฝีมือผ่าตัดของอาจารย์ก็กดเข้าไปครึ่งคืน แล้วแต่โชคของแต่ละวันครับ
เสร็จแล้วก็ต้องอยู่เวรง่วงแสนง่วง รายงานก็ยังไม่เขียนต้องมาเข้าเวรก่อน
เอาน่า!!...3 วันอยู่เวรครั้งนึง ไม่เท่าไหร่หรอก
ลงเวรเที่ยงคืนเองกลับหอมีเวลานอนตั้ง 5 ชั่วโมง
(ถือว่าเยอะแล้วนะ) สบายๆ พอถึงห้องหลับแผละ....กองอยู่บนเตียง ปี 4 ผ่านไปพร้อมกับความเข้าใจใหม่ๆ ที่ว่า
คนไข้ป่วยได้ทุกวันไม่มีวันหยุดเราเป็นหมอเค้าป่วยต้องก็รักษาจะมาหยุดได้ไง
จริงอ๊ะป่าว หมอเลยไม่มีเสาร์ ไม่มีอาทิตย์ ไม่มีวันหยุด ทำงานแบบ 7 - 11 จ่ายยาเสร็จต้องถามด้วยว่า รับซาลาเปาทานเพิ่มมั้ยค๊า...
อ่ะแต่ก็เอาเถอะเพื่อคนไข้ผู้เปรียบได้กับอาจารย์ใหญ่ที่มีชีวิต
เค้าอุตส่าห์บริจาคทั้งร่างกาย จิตใจ และยอมเสียเวลาให้เราตรวจ จบปี 4 ฉันตรวจร่างกายเป็น พอจะบอกได้ว่าคนไข้น่าจะเป็นโรคอะไรบ้าง.... เก่งมากๆ
อ่ะ ปิดเทอมซะ 14 วันได้มั้ง ในขณะที่เด็กมหาวิทยาลัยคนอื่นๆ
เค้าปิดกันเป็นเดือนๆ...เฮ้อ
·
ปี 5 ใกล้เป็นหมอเข้าไปทุกที
ขึ้นปี
5 ช่วงต้นปีจะเริ่มรู้ข่าวคราวของเพื่อนๆ
สมัย ม.ปลายที่เรียนคณะอื่นๆ เค้าเรียนจบกันแล้ว บ้างก็ทำงาน บ้างก็แต่งงาน
บ้างซื้อบ้านซื้อรถ บางคนวางแผนจะมีลูกกันแล้ว แต่ฉันยังเป็นนักเรียนอยู่เลย
แต่ก็เอาเถอะ อีกนิดเดียวก็จะจบแล้ว อย่างน้อยเจอคนไข้ ตรวจคนไข้
ฉันพอจะรู้แล้วว่าเธอเป็นโรคอะไร..คราวนี้ฉันจะแสดงการรักษาแบบงูๆ ปลาๆ ให้ดู
(มีพี่ๆและอาจารย์คอยเป็นคนดูแลนะ เราสั่งการเองหมดไม่ได้นะ) โอม.....เพี้ยง
หายมั่งไม่หายมั่ง เฮ้อ....ชีวิตชั่งอนิจจัง จนปลายปี
สอบรวมคราวนี้ล่ะวัดกันเลยใครจบ ใครไม่จบ ยังกะย้อนเวลาไปสอบเอนท์อีกรอบนึงเลย...
คำตอบของคุณ....ถูกต้องนะคร๊าบ...จบเป็นหมอแน่นอนคราวนี้
(ถ้าตอบผิดไม่ผ่านปีหน้าสอบใหม่ได้นะ)
การทำคลอดแบบธรรมดา
การผ่าตัดทำคลอด
·
ปี 6 ช่วง Extern ตายได้
แต่ลาไม่ได้
พอปี 6 คราวนี้ใครๆ
เค้าก็เรียกเราว่าหมอเต็มปากแล้วเพราะเราต้องสั่งการเองแล้วก็ให้พี่ๆ
ที่เค้าจบแล้วหรืออาจารย์ช่วยดูให้อีกทีนึง กลางวันตรวจคนไข้ กลางคืนอยู่เวร
นอนตอนไหนไม่มีใครบอกได้ อ่ะโห..พี่หมอคะ พี่หมอขา เท่สุดๆอ่ะ จบซะที 6 ปีอันแสนยาวนาน ออกไปทำงานใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัด โชคดีก็ได้ที่สบาย
อยู่ในเมือง โชคร้ายหน่อยก็นู่น เข้าป่าเป็นหมอผีไป ทั้งอนามัยมีแต่
ยาแดงกับพารา.รักษาใครได้มั่งก็ม่ายรู้ อยู่เวรคืนเว้นคืน นอนตอนไหนไม่รู้ อยู่ๆ
ตีสองตื่นมา คุณหมอหนูจะคลอด แล้วเราจะนอนต่อได้ไงล่ะเนี่ย เอ้า...ทำคลอดกันไป
นึกซะว่าฝันไปละกันนะ แล้วก็เป็นแบบนี้เรื่อยไปตลอดชีวิต...